10 สารอาหาร บำรุงสมอง

     สมอง ก็คืออวัยวะหนึ่งในร่างกาย ที่ทำงานหนักมากๆส่วนหนึ่ง ดังนั้นมองจึงจัดว่าเป็นอวัยวะอันดับต้นๆที่ต้องการสารอาหารมาบำรุงอย่างมาก ซึ่งไม่ว่าจะเป็นวัยแรกเกิด วัยเด็ก วัยรุ่น วัยเรียน วัยทำงาน จนถึงวัยสูงอายุ ก็ต้องการสารอาหารบำรุงด้วยกันทั้งนั้น

     เพราะวัยเด็กก็ต้องการสารอาหารมาพัฒนาสมองให้เติบโตอย่างเต็มที่ ส่วนวัยอื่นๆ ก็ต้องการสารอหารมาบำรุงให้สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพไปในระยะยาว โดยสารอาหารที่สมองต้องการหลายคนอาจจะนึกถึง DHA เป็นอันดับแรก แต่ก็ไม่ได้มีเพียง DHA อย่างเดียวเท่านั้น เพราะสมองก็ยังต้องการสารอาหารอื่นๆ ที่ทำงานร่วมกัน

     ซึ่งสารอาหารเหล่านั้น เรารวบรวมมาให้ถึง 10 ชนิด ที่มีคุณสมบัติสำคัญต่อการพัฒนาสมอง พร้อมเสริมสร้างเซลล์ประสาทอย่างครบถ้วน

10 สารอาหาร บำรุงสมอง

10 สารอาหาร บำรุงสมอง เพิ่มพลังความคิด

1. DHA
     สารอาหารอันดับ 1 ที่สมองต้องการมาก เพราะ DHAมีส่วนช่วยในการสร้างเครือข่ายเส้นใยประสาท แถมยังเป็นส่วนประกอบหลักของเซลล์สมองและจอประสาทตา จึงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสมองและสายตา

     ดีเอชเอ มีมากในอาหารทะเล เช่น ปลาทะเล ปลาแซลมอน ปลาทูน่า สาหร่ายทะเลบางชนิด และน้ำมันที่สกัดจากผลิตภัณฑ์ทางทะเล ซึ่งแน่นอนว่าในหนึ่งวัน เราควรรับประทานหนึ่งในอาหารเหล่านี้ อย่างน้อยหนึ่งมื้อ เพื่อ บำรุงสมอง

2. ARA
     กรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดสายยาว ที่ช่วยในการพัฒนาสมองและการมองเห็น และมีความจำเป็นต่อการเสริมสร้างเซลล์ประสาทและสายตา เป็นสิ่งที่ต้องการควบคู่ไปกับสารอาหาร DHA

     แหล่งอาหารที่มีเออาร์เอ คือ อาหารทะเล ปลาทะเล ปลาทูน่า ฯลฯ เช่นเดียวกับ DHA

3. โอเมก้า 3
     อีกหนึ่งชนิดของกรดไขมัน ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของสมอง ที่ช่วยพัฒนาเนื้อเยื่อของระบบประสาท ทั้งยังเป็นสารตั้งต้นของดีเอชเอ และเออาร์เอ ซึ่งมีความจำเป็นต่อการเสริมสร้างความเจริญเติบโตของสมองด้วย

     โอเมก้า 3 พบมากใน ปลาทะเล เช่น ปลาทู สัตว์ทะเล และปลาน้ำจืดบางชนิด แต่ที่สำคัญคือ การรับประทานควรทานในปริมาณและอัตราที่เหมาะสม ก็จะช่วยเสริมสร้างสมองได้เป็นอย่างดี

4. โอมาก้า 6
     กรดไขมันที่มีส่วนช่วยต่อการพัฒนาสมองและเสริมสร้างเซลล์ประสาท โอเมก้า 6 มีมากใน น้ำมันพืช การรับสารอาหารโอเมก้า 6 ก็ควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม ถึงจะมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาเนื้อเยื่อในระบบประสาท และ บำรุงสมอง

5. ลูทีน
     สารอาหารในตระกูลแคโรทีนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบในปริมาณที่เข้มข้นบริเวณเรตินา(จอประสาทตา) มีส่วนช่วยลดการเสื่อมของ DHA ในเรติน่า สารอาหารลูทีนนี้พบมากในน้ำนมแม่ และผักใบเขียวเข้ม การที่ให้ลูกน้อยทานนมแม่ จึงถือเป็นผลดี ที่พัฒนาสมองและบำรุงประสาทตาของลูกน้อยด้วย

6. โคลีน
     วิตามินสำคัญที่มีบทบาทต่อการพัฒนาสมอง โดยเฉพาะวัยเด็ก เพราะมีส่วนช่วยในการเชื่อมโยงระหว่างเซลล์ประสาทการเรียนรู้และความจำ โดยสร้างสารสื่อสัญญาณประสาทในสมอง เพื่อสื่อสารระหว่างเซลล์ให้มีประสิทธิภาพ ให้ระบบประสาทการเรียนรู้และความจำในสมองทำงานได้ดี

     โคลีน มีมากใน ไข่แดง เครื่องในสัตว์ ถั่วเหลือง ถั่วลิสง และผักใบเขียวบางชนิด เป็นชนิดอาหารที่หาทานง่าย และมีประโยชน์อย่างมากต่อระบบความจำ

7. ทอรีน
     สารอีกชนิดหนึ่งที่มีผลต่อสมองและเรติน่า หรือจอประสาทตา ทอรีนมีบทบาทช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบประสาท เนื้อสมอง และกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ในร่างกาย โดยแหล่งที่มีสารอาหารทอรีน คือ เนื้อสัตว์ ปลาทูน่า หอยต่างๆ และไข่

8. ธาตุเหล็ก
     สมองจะมีธาตุเหล็กในปริมาณเข้มข้น บริเวณส่วนที่เกี่ยวกับสติปัญญา กล้ามเนื้อและพฤติกรรม โดยธาตุเหล็กจะจำเป็นต่อการสร้างฮีโมโกลบิน ซึ่งจะนำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายโดยเฉพาะสมอง

     ธาตุเหล็กจัดเป็นสารอาหารหนึ่งที่ควรได้รับอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งสารอาหารนี้จะมีอยู่ในเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ ไข่แดง นม และผักใบเขียวเช่น ตำลึง

9. สังกะสี
     การทำงานของระบบประสาทส่วนกลางในสมอง ต้องการธาตุสังกะสีมาช่วยพัฒนาและเสริมสร้างระบบการทำงาน อีกทั้งสังกะสียังมีส่วนช่วยบำรุงเนื้อเยื่อและเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย สังกะสีเป็นสารอาหารที่มีมากใน เนื้อสัตว์ ตับ อาหารทะเล ถั่ว และธัญพืช เชื่อว่าไม่ยากเกินไปที่จะหามารับประทาน

10. วิตามิน B12
     วิตามิน B12 มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมอง ช่วยให้ระบบประสาทส่วนกลางทำงานได้ดี วิตามินบี12 พบมากในเนื้อสัตว์ นมและเนย ไก่ ปลา เครื่องในสัตว์ ไข่แดง นอกจากดีต่อสมองแล้ว ก็ยังดีต่อระบบอื่นๆ ในร่างกายด้วย

     ทราบอย่างนี้แล้วอย่าลืม เปิดโอกาสให้ร่างกายและสมองได้รับสารอาหารเพิ่มพลังสมองทั้ง 10 ชนิด นี้จากอาหารต่างๆ อย่างครบถ้วนนะคะ พัฒนาการของสมองไม่ได้จำกัดแค่วัยเด็ก เพราะยิ่งโตขึ้นมากเท่าไร สมองก็ยิ่งต้องใช้คิดสร้างสรรค์มากขึ้นเท่านั้น ยิ่งบำรุงสม่ำเสมอ ก็ยิ่งเป็นผลดีต่อร่างกาย

ที่มา : health.mthai.com

Tags: ,