รู้ทัน 5 สัญญาณโรคเหงือก

     ปัญหาช่องปากนับเป็นปัญหาที่พบมากที่สุดเรื่องหนึ่งของโลก โดยประชากรโลกเกินครึ่งหรือกว่า 3,900 ล้านคนมีปัญหาสุขภาพช่องปาก จากรายงานขององค์การอนามัยโลกพบว่าโรคเหงือกเป็นโรคที่พบมากเป็นอันดับที่ 6 โดยประชากรโลกกว่าร้อยละ 90 เป็นโรคเหงือกทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว ทั้งนี้ สาเหตุหนึ่งเกิดจาก การดูแลสุขภาพช่องปากด้วยการแปรงฟันเพียงอย่างเดียว หลายท่านอาจคิดว่าสะอาดเพียงพอ แต่ความจริงแล้วยังพบแบคทีเรียตกค้างในช่องปากกว่า 10,000,000 ตัว ซึ่งจะก่อตัวเป็นไบโอฟิล์ม สะสมและกลายเป็นสาเหตุของโรคเหงือกได้

     อาการของโรคเหงือกที่สังเกตได้ง่ายคือ การที่บริเวณขอบเหงือกเลือดออกง่าย เมื่อโดนปลายไม้จิ้มฟันหรือขนแปรงสีฟัน ในบางรายอาจมีความรู้สึกปวดเหงือกเป็นระยะหรือตลอดเวลา แม้อาการเหล่านี้อาจดูไม่อันตราย ทำให้คนส่วนใหญ่มักมองข้าม แต่ความจริงแล้วหากปล่อยไว้ อาจนำไปสู่โรคเหงือกที่เรื้อรังและรุนแรงได้

เราสามารถสังเกตตัวเองได้ว่าโรคเหงือกกำลังถามหาหรือไม่จาก 5 สัญญาณโรคเหงือก ดังต่อไปนี้

รู้ทัน 5 สัญญาณโรคเหงือก

เมื่ออ่านจบแล้ว ลองกดเหงือกของคุณหรือยังว่า “นิ่มเหมือนขนมปัง” หรือ “แน่นเหมือนวุ้น”?

     หากคุณมีสัญญาณเหล่านี้ควรรีบหันกลับมาใส่ใจดูแลอนามัยช่องปากอย่างเร่งด่วน เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นของโรคเหงือกที่อาจเรื้อรังและรุนแรงได้ อย่างไรก็ตามโรคเหงือกสามารถป้องกันและรักษาให้หายได้หากพบตั้งแต่เนิ่นๆ และหมั่นดูแลสุขภาพช่องปากให้ดีอยู่เสมอด้วยการดูแลอนามัยช่องปากอย่างครบถ้วน 100%

วิธีการดูแลสุขภาพเหงือกด้วยตนเอง 5 ขั้นตอนง่ายๆ ดังต่อไปนี้
     1.แปรงฟันอย่างถูกวิธี อย่างน้อยครั้งละ 2 นาที วันละ 2 ครั้ง คือ หลังอาหารเช้าและก่อนเข้านอน เลือกแปรงสีฟันที่ขนแปรงไม่แข็งจนเกินไป และระวังอย่าแปรงแรงจนเกินไป เพราะอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เหงือกร่นได้
     2.ใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำอย่างน้อยวันละหนึ่งครั้ง โดยขัดซอกฟันทุกซอก เพราะเป็นบริเวณที่ขนแปรงเข้าไม่ถึง หากปล่อยให้คราบสกปรกหมักหมมอยู่เกินกว่า 24 ชั่วโมงจะเป็นต้นเหตุของโรคเหงือกได้
     3.ใช้น้ำยาบ้วนปาก เป็นประจำทุกครั้งหลังแปรงฟัน เพื่อช่วยทำความสะอาดบริเวณที่การแปรงและขัดฟันทำความสะอาดได้ไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะ บริเวณ เหงือก กระพุ้งแก้ม ลิ้น และเพดานปาก และควรเลือกน้ำยาบ้วนปากที่มีสารแอนตี้แบคทีเรียที่เพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรีย ที่เป็นสาเหตุของโรคเหงือก
     4.ตรวจเช็คฟันและขอบเหงือกของตัวเองอยู่เสมอ ว่ามีคราบไบโอฟิล์มหรือคราบพลัคสะสมอยู่บริเวณใดมากเป็นพิเศษหรือไม่ โดยเฉพาะบริเวณขอบเหงือก ซึ่งเรามักไม่ได้เน้นขณะแปรงฟันและละเลยการทำความสะอาด
     5.พบทันตแพทย์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อตรวจสุขภาพเหงือกและฟัน รวมถึงขูดหินปูน เพราะหินปูนมีแบคทีเรียสะสมอยู่และเป็นสาเหตุสำคัญของโรคเหงือกที่เรื้อรังและรุนแรง หินปูนไม่สามารถแปรงหรือขัดออกได้ด้วยตนเอง ต้องให้ทันตแพทย์เป็นผู้ขูดออกเท่านั้น

     จากคำแนะนำ วิธีดูแลสุขภาพเหงือกด้วยตนเองที่ง่ายและทำได้ทุกวันนอกจากการแปรงและขัดฟันคือการบ้วนปาก และเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ควรเลือกน้ำยาบ้วนปากที่มีสารแอนตี้แบคทีเรีย ช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุสำคัญของโรคเหงือก สารแอนตี้แบคทีเรียพบได้หลายชนิด โดยชนิดที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าให้ประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อแบคทีเรียได้สูงสุด คือกลุ่มที่เป็น น้ำมันสกัดจากพืชธรรมชาติ หรือ Essential Oil (EO) เช่น เมนทอล ไทมอล เมธิลซาลิไซเลท และ ยูคาลิปตอลเพราะมีงานวิจัยรองรับว่าสามารถซอกซอนลึก เข้าขจัดเชื้อแบคทีเรีย ลดการเกิดคราบไบโอฟิล์ม และเหงือกอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังให้รสชาติเย็นสดชื่น ช่วยให้ความรู้สึกสะอาดมั่นใจ หลังใช้อีกด้วย

ขอบคุณที่มา : www.manager.co.th

Tags: